ประเมินความก้าวหน้าโครงการสร้างเสริมสุขภาพ พนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถที่ 5 ระยะที่ 2

The Formative Evaluation of Health Promotion Project Phase 2 for Bangkok Mass Transit Authority Zone 5 Employees

ศิริพร แต้เกษม

การส่งเสริมสุขภาพ-- พนักงาน

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความก้าวหน้าโครงการสร้างเสริมสุขภาพ
พนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถที่ 5 ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมสุขภาพ เชิงรุกขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยใช้พนักงานแกนนำเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อให้เกิดการ ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตในด้านการดูแลสุขภาพของพนักงาน และการพัฒนาสภาพแวดล้อมใน องค์กร อันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยมีตัวชี้วัด 3 ด้าน ได้แก่ ศักยภาพพนักงานแกนนำ การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตด้านการดูแลสุขภาพของ หนักงาน และการพัฒนาสภาพแวดล้อมในองค์กรที่ส่งผลต่อสุขภาพของพนักงาน ประชากรที่ใช้ใน การศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานองค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ เขตการเดินรถที่ 5 จำนวน 2090 คน ซึ่ง จำแนกเป็นกลุ่มพนักงานแกนนำ จำนวน 33 คน และกลุ่มพนักงานที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบ สัดส่วน ชำนวน 324 คน รวมเป็นกลุ่มศึกษาทั้งสิ้น จำนวน 357 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ และแบบสำรวจข้อมูล ในส่วนของข้อมูลเชิงปริมาณ ผู้วิจัยดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS และนำเสนอด้วยค่าสถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยดำเนินการด้วยการวิเคราะห์ เนื้อหา (content analysis) เพื่อนำเสนอในรูปการพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า โครงการสร้างเสริมสุขภาพพนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ใน
เขตการเดินรถที่ 5 ซึ่งได้ดำเนินการมาถึงช่วงเวลาระยะที่ 2 โดยมีพนักงานแกนนำซึ่งได้รับการพัฒนา ศักยภาพให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการ มีความก้าวหน้าอยู่ในระดับค่อนข้างดีทั้ง 3 ตัวนี้วัด กล่าวคือ พนักงานแกนนำมีศักยภาพในการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงานในการดูแล สร้างเสริมสุขภาพ มีความเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพ และสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน รวมทั้งมีการจัดทำบันทึกประวัติสุขภาพของพนักงานในความ รับผิดชอบ ยกเว้นเฉพาะในด้านการดูแลให้คำปรึกษาและถ่ายโอนความรู้ด้านสุขภาพให้กับพนักงาน เท่านั้นที่ยังมีความก้าวหน้าอยู่ในระดับก่อนข้างต่ำ ในส่วนของพนักงานพบว่าส่วนใหญ่มีการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีการดำเนินชีวิตด้านการดูแลสุขภาพไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการ เลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ การลดพฤติกรรมเสี่ยง และการเข้าร่วมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ยกเว้นในด้านการออกกำลังกายและการสนใจติดตามรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่ยังมี ความก้าวหน้าอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ส่วนในด้านการพัฒนาสภาพแวดล้อมในองค์กรที่ส่งผลดีต่อ สุขภาพของพนักงาน พบว่า มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและเป็นที่น่าพอใจของ พนักงาน โดยรวม ซึ่งอาจสรุปผลการประเมินจากการวิจัยครั้งนี้ในภาพรวมได้ว่า โครงการฯ มี ความก้าวหน้าที่จะส่งผลให้คาดหวังถึงการขับเคลื่อน โดรงการฯ ให้ดำเนินการ ได้ต่อไป และจะส่งผล ให้การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตด้านการดูแลสุขภาพของพนักงานมีการพัฒนาไปในเชิงบวก รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมในองค์กรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

รัชนี คุโณปการ

ประเทือง อัมพรภักดิ์

สุรินธร กลัมพากร

2550

2021-08-09 06:57:07

2021-08-09 06:57:07

thesis

application/pdf

วน 613.04 ศ463ป 2550

tha

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

ปริญญาโท

ยุทธศาสตร์การพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

2550