แนวทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเอกชนโดยใช้แนวคิดการบริการงานสู่ความเป็นเลิศในทัศนะของผู้บริการสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการและผู้ทรงคุณวุฒิ
Item
ชื่อเรือง
แนวทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเอกชนโดยใช้แนวคิดการบริการงานสู่ความเป็นเลิศในทัศนะของผู้บริการสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการและผู้ทรงคุณวุฒิ
ชื่อเรื่องรอง
THE TENDENCY PRIVATE SCHOOL DEVELOPING BY
ADMINISTRATIVE PERFORMANCE FOR THE EXCELLENCE ACCORDING TO THE ADMINISTRATORS IN SAMUTPRAKARN PROVINCE AND QUALIFICATORS
ADMINISTRATIVE PERFORMANCE FOR THE EXCELLENCE ACCORDING TO THE ADMINISTRATORS IN SAMUTPRAKARN PROVINCE AND QUALIFICATORS
ผู้แต่ง
นาฎฤดี จิตรรังสรรค์
หัวเรื่อง
โรงเรียนเอกชน
การศึกษา--ไทย
รายละเอียดอื่นๆ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความสำคัญของแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศตามทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน จังหวัดสมุทรปราการ จำแนกตาม
เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร และศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาเอกชนโดยใช้แนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ตามทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษา
เอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ และผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 96 คน และ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารการศึกษา จำนวน 5 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามมาตรประมาณค่าห้าระดับ และแบบ สัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าที่(t-est) ค่าการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (ANOVA) และทำการเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยเป็นรายคู่ โดยวิธีการของเซฟเฟ่
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา เป็นรายด้านพบว่า ด้านภาวะผู้นำ ด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และด้านมุ่งเน้นคณาจารย์และ
บุคลากร มีความสำคัญมากที่สุด ตามลำดับ ส่วนด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน ผู้มีสวนได้เสียและตลาด ด้านสารสนทศและการวิเคราะห์ ด้านการจัดการ กระบวนการ และด้านผลลัพธ์ของผลการ
ดำเนินงานขององค์กร ผู้บริหารให้ความสำคัญอยู่ในระดับมาก
2. ผู้บริหารที่มีเพศแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้บริหาร
เพศหญิง ให้ความสำคัญมากกว่าผู้บริหารเพศชาย
3. ผู้บริหารที่มีระดับอายุแตกต่างกันให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
4.ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดย
ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ให้ความสำคัญมากกว่า ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี
5. ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการบริหารแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนา คุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .01 โดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการบริหารมากกว่า 10 ปี ขึ้นไป ให้ความสำคัญมากกว่า ผู้บริหารที่มีประสบการณ์บริหารต่ำกว่า 5 ปี และมีประสบการณ์ในการบริหาร 5 - 10 ปี
6. ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ในระดับมากที่สุด ทุกด้าน
เพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการบริหาร และศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาเอกชนโดยใช้แนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ตามทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษา
เอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ และผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 96 คน และ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารการศึกษา จำนวน 5 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามมาตรประมาณค่าห้าระดับ และแบบ สัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าที่(t-est) ค่าการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (ANOVA) และทำการเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยเป็นรายคู่ โดยวิธีการของเซฟเฟ่
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา เป็นรายด้านพบว่า ด้านภาวะผู้นำ ด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และด้านมุ่งเน้นคณาจารย์และ
บุคลากร มีความสำคัญมากที่สุด ตามลำดับ ส่วนด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน ผู้มีสวนได้เสียและตลาด ด้านสารสนทศและการวิเคราะห์ ด้านการจัดการ กระบวนการ และด้านผลลัพธ์ของผลการ
ดำเนินงานขององค์กร ผู้บริหารให้ความสำคัญอยู่ในระดับมาก
2. ผู้บริหารที่มีเพศแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้บริหาร
เพศหญิง ให้ความสำคัญมากกว่าผู้บริหารเพศชาย
3. ผู้บริหารที่มีระดับอายุแตกต่างกันให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
4.ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดย
ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ให้ความสำคัญมากกว่า ผู้บริหารที่มีระดับการศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี
5. ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการบริหารแตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนา คุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .01 โดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในการบริหารมากกว่า 10 ปี ขึ้นไป ให้ความสำคัญมากกว่า ผู้บริหารที่มีประสบการณ์บริหารต่ำกว่า 5 ปี และมีประสบการณ์ในการบริหาร 5 - 10 ปี
6. ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามแนวคิดการบริหารงานสู่ความเป็นเลิศ ในระดับมากที่สุด ทุกด้าน
ผู้จัดพิมพ์/สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผู้ร่วมสร้างรรค์ ผู้ร่วมงาน
สุภรณ์ ลิ้มบริบูรณ์
วันที่ ปีที่จัดพิมพ์
2550
วันที่ผลิต วันที่จัดทำ
2021-08-09 06:57:07
วันที่ปรับปรุงข้อมูล
2021-08-09 06:57:07
ประเภท
thesis
รูปแบบ
application/pdf
แหล่งที่มา
วน 371.2 น455น 2550
ภาษา
tha
ลิขสิทธิ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
Degree (name, level, descipline, grantor)
ครุศาสตรมหาบัณฑิต
ปริญญาโท
การบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
วันที่ใช้งาน
2550
คอลเลกชั่น
นาฎฤดี จิตรรังสรรค์ . (2550). แนวทางการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาเอกชนโดยใช้แนวคิดการบริการงานสู่ความเป็นเลิศในทัศนะของผู้บริการสถานศึกษาเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการและผู้ทรงคุณวุฒิ. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, คลังข้อมูลดิจิทัล สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, accessed September 17, 2025, http://dlib.bsru.ac.th/s/library/item/1060