การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
Item
ชื่อเรือง
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ชื่อเรื่องรอง
Development of Integrated Nature of Science Instructional Model to Enhance Scientific Literacy of General Science Student Teachers of Rajabhat University
ผู้แต่ง
สิรภพ เทพพิทักษ์
หัวเรื่อง
การสอนวิทยาศาสตร์
ความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์
นักศึกษาครู -- การศึกษาและการสอน
มหาวิทยาลัยราชภัฏ -- นักศึกษา
รายละเอียดอื่นๆ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตรของนักศึกษาครูวิทยาศาสตรทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ 3) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อเสริมสร้างความฉลาดรู์ทางวิทยาศาสตร์ ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ดำเนินการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิด ADDIE Model แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป กำหนดกลุ่มตัวอย่าง เป็นนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ชั้นปีที่ 2 จำนวน 410 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบชั้นภูมิจากประชากรนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ 19 แห่ง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตรฺวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอน จำนวน 8 คน และผู้เชี่ยวชาญดานการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบ บันทึกข้อมูล แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินคุณภาพของรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติเชิงพรรณา ระยะที่ 3 ศึกษาประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอน ทำการทดลองใช้รูปแบบกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จำนวน 21 คน ซึ่งเลือกมาจากการสุ่มแบบเจาะจง ทดลองใช้รูปแบบโดยใช้ แผนการวิจัยก่อนการทดลอง (Pre-experimental research) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ คู่มือ การใช้รูปแบบ แผนการเรียนการสอน แบบวัดความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ แบบวัดเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ และแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า
1) ความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประกอบด้วย 4องค์ประกอบ 12 ตัวบ่งชี้ โดยมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งยืนยันว่าความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประกอบด้วย เจตคติทางวิทยาศาสตร์ ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ความสามารถในการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการประยุกต์วิทยาศาสตร์ในบริบท
2) รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ 1. ที่มาของรูปแบบการเรียนการสอน 2. แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน 3. องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอน ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน สื่อและสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลและ 4. การนำรูปแบบการเรียนการสอนไปใช้โดยมีขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ไดเแก่ ขั้นกำหนดเป้าหมายและตั้งคำถาม ขั้นทบทวนความรู้และประสบการณ์เดิม ขั้นสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ ขั้นสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ขั้นประยุกต์ใช้ในบริบท และขั้นสะท้อน คิดและประเมินผล ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งผลการประเมินความหมาะสมทุกรายการ มีค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.50 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานไม่เกิน 1 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ผลการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า ภาพรวมมีประสิทธิภาพ 77.20/75.12 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑณ์75/753. ประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่าหลังเรียนนักศึกษามีคะแนนความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 75 นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปมีความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนในระดับระดับมาก ซึ่งบ่งชี้ว่ารูปแบบการเรียนการสอนมีประสิทธิผลดีและสามารถนำรูปแบบการเรียนการสอนไปใช้ส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏได้
คำสำคัญ: รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการ, ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์,ความฉลาดรูู้ทางวิทยาศาสตร์, นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป
ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอน จำนวน 8 คน และผู้เชี่ยวชาญดานการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบ บันทึกข้อมูล แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินคุณภาพของรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติเชิงพรรณา ระยะที่ 3 ศึกษาประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอน ทำการทดลองใช้รูปแบบกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จำนวน 21 คน ซึ่งเลือกมาจากการสุ่มแบบเจาะจง ทดลองใช้รูปแบบโดยใช้ แผนการวิจัยก่อนการทดลอง (Pre-experimental research) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ คู่มือ การใช้รูปแบบ แผนการเรียนการสอน แบบวัดความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ แบบวัดเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ และแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า
1) ความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประกอบด้วย 4องค์ประกอบ 12 ตัวบ่งชี้ โดยมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ซึ่งยืนยันว่าความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประกอบด้วย เจตคติทางวิทยาศาสตร์ ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ความสามารถในการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการประยุกต์วิทยาศาสตร์ในบริบท
2) รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ 1. ที่มาของรูปแบบการเรียนการสอน 2. แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน 3. องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอน ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา ขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน สื่อและสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลและ 4. การนำรูปแบบการเรียนการสอนไปใช้โดยมีขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ไดเแก่ ขั้นกำหนดเป้าหมายและตั้งคำถาม ขั้นทบทวนความรู้และประสบการณ์เดิม ขั้นสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ ขั้นสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ขั้นประยุกต์ใช้ในบริบท และขั้นสะท้อน คิดและประเมินผล ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งผลการประเมินความหมาะสมทุกรายการ มีค่าเฉลี่ยมากกว่า 3.50 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานไม่เกิน 1 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ผลการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า ภาพรวมมีประสิทธิภาพ 77.20/75.12 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑณ์75/753. ประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่าหลังเรียนนักศึกษามีคะแนนความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 75 นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปมีความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนในระดับระดับมาก ซึ่งบ่งชี้ว่ารูปแบบการเรียนการสอนมีประสิทธิผลดีและสามารถนำรูปแบบการเรียนการสอนไปใช้ส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏได้
คำสำคัญ: รูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการ, ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์,ความฉลาดรูู้ทางวิทยาศาสตร์, นักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป
ผู้จัดพิมพ์/สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ผู้ร่วมสร้างรรค์ ผู้ร่วมงาน
อารีวรรณ เอี่ยมสะอาด
จิตตวิสุทธิ์ วิมุตติปัญญา
วันที่ ปีที่จัดพิมพ์
2568
วันที่ผลิต วันที่จัดทำ
2568-09-16
วันที่ปรับปรุงข้อมูล
2568-09-16
วันที่เผยแพร่
2568-09-16
ประเภท
thesis
รูปแบบ
application/pdf
แหล่งที่มา
วน 507.1ส729ก 2568
ภาษา
tha
ลิขสิทธิ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
Degree (name, level, descipline, grantor)
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
ปริญญาเอก
หลักสูตรและการสอน
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
คอลเลกชั่น
สิรภพ เทพพิทักษ์, “การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการธรรมชาติของวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักศึกษาครูวิทยาศาสตร์ทั่วไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏ”, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, 2568, คลังข้อมูลวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, accessed September 18, 2025, http://dlib.bsru.ac.th/s/research/item/3464