ชุมชน กุฎีจีน ได้ชื่อมาจากศาลเจ้าจีน ไม่ใช่เพราะเคยมีภิกษุจีนจำพรรษาอยู่

Item

ชื่อเรื่อง

ชุมชน กุฎีจีน ได้ชื่อมาจากศาลเจ้าจีน ไม่ใช่เพราะเคยมีภิกษุจีนจำพรรษาอยู่

ประเภท

บทความ

ผู้แต่ง

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ

วันที่

2566-06-15

รายละเอียด

เล่าต่อๆ กันมา โดยหาต้นตอไม่ได้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องขึ้นมาว่าชุมชน กุฎีจีน" หรือหรือที่ที่เรียก เรียกเป็นภาษาปากสั้นๆ ว่า "กะดีจีน" ที่ตั้งอยู่ระหว่างโบสถ์ซางตาครู้ส และวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ นั้นมีชื่อบ้านนามเมืองมาจากการที่เคยมีพระภิกษุสงฆ์ชาวจีนเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ ก็เลยเรียกว่าบ้านกุฎีจีน คือหมู่บ้านที่มีกุฏิของพระภิกษุจีนตั้งอยู่
เรื่องเล่าข้างต้นนี้ยังมีรายละเอียดที่ต่างกันไปในแต่ละสำนวนบ้างก็ว่าเรื่องราวเกิดขึ้นในยุคกรุงธนบุรี บ้างก็ว่าเป็นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ภิกษุจีนเข้ามาช่วงรัชกาลที่ 1 บ้าง รัชกาลที่ 2 บ้าง บางสำนวนก็ระบุว่า พระสงฆ์จีนที่จำพรรษาอยู่ที่นี่มีจำนวนทั้งหมด 2 รูป แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่มีหลักฐานเอกสารอะไรมายืนยันได้ชัด? สิ่งที่น่าสนใจใจก็ก็คือ คือจากจา หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยนั้น "วัด" ในพระพุทธศาสนาแบบจีนนั้น เพิ่งจะมีการริเริ่มสร้างขึ้นในยุคปลายแผ่นดินของรัชกาลที่ 5 เท่านั้น ไม่มีหลักฐานของการสร้างวัดจีนในไทยช่วงยุคก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี หรือแม้กระทั่งยุคต้นกรุงเทพฯ เลยสักนิด แถมวัดแห่งแรกดังกล่าวที่ว่านี้ก็คือ วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งอยู่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ย่านเยาวราช ที่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกต่างหาก

ที่มา : ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. (30 ธันวาคม 2565-5 มกราคม 2566). ชุมชน 'กุฎีจีน' ได้ชื่อมาจากศาลเจ้าจีน ไม่ใช่เพราะเคยมีภิกษุจีนจำพรรษาอยู่. มติชนสุดสัปดาห์. 76.

รูปแบบ

application/pdf

ภาษา

tha

สำนักพิมพ์

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

หัวเรื่อง

ชุมชนกุฎีจีน
ศาลเทียนอันเกง
มัสยิดกุฎีขาว
มัสยิดกุฎีหลวง
แหล่งชุมชน

คอลเลกชั่น

31077.pdf

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ, “ชุมชน กุฎีจีน ได้ชื่อมาจากศาลเจ้าจีน ไม่ใช่เพราะเคยมีภิกษุจีนจำพรรษาอยู่”, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, 2566-06-15, คลังข้อมูลวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, accessed December 23, 2024, http://dlib.bsru.ac.th/s/research/item/2670